วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หนังฝรั่ง



            เคยดูหนังซีรี่ย์เกาหลีเรื่องหนึ่งทางโทรทัศน์โดยไม่ได้ตั้งใจ  มีชื่อเรื่องภาษาอังกฤษว่า      couple or trouble   และชื่อภาษาไทยว่า คู่รักคู่วุ่น        พอดูไปได้ไม่กี่ตอนชักจะคุ้นๆว่ามีเนื้อเรื่องคล้ายกับภาพยนตร์ฝรั่งเรื่องหนึ่งที่เคยดูนานมาแล้ว  แต่ก็นึกไม่ออกว่าเรื่องอะไร  จำได้แต่เพียงว่าดารานำฝ่ายชายเคยแสดงภาพยนตร์ให้กับบริษัท วอลท์ ดิสนีย์    มาตั้งแต่เด็กๆจนมีชื่อเสียงโด่งดัง เลยต้องอาศัยไทม์แม็ชชีนแห่งโลกปัจจุบัน(you tube) เพื่อย้อนเวลากลับไปในอดีตอีกครั้ง
                 ในปี ค.ศ.1987   ช่างไม้ที่เป็นพ่อหม้ายลูกติดในเมืองชนบทแห่งหนึ่งของรัฐโอเรกอน        ได้รับการว่าจ้างให้ไปตกแต่งเรือหรูของสามีภรรยาผู้ร่ำรวยคู่หนึ่ง    แต่เมื่อทำงานเสร็จกับไม่ได้รับเงินค่าจ้างเนื่องจากความจุกจิกจู้จี้ของภรรยาไฮโซผู้เป็นเจ้าของเรือ   ทำให้ช่างไม้พ่อหม้ายลูกติดโกรธจัด            และเมื่อรู้ข่าวว่าเธอประสบอุบัติเหตุจนความจำเสื่อม     เลยคิดแก้แค้นโดยอ้างตัวว่าเป็นสามีของเธอ     มารับเธอออกจากโรงพยาบาลกลับไปอยู่บ้านด้วยกัน   แล้วใช้เธอทำทุกอย่างในฐานะแม่บ้าน   เลี้ยงดูลูก4คน  กับสุนัขอีก 2 ตัว  ทำงานบ้านสารพัดทั้งๆที่เธอไม่เคยทำ   เธอเรียนรู้ปรับตัวเอง              จนเกิดความรู้สึกผูกพันธุ์เสมือนเป็นคนหนึ่งในครอบครัวจริงๆ
                 แล้ววันหนึ่งความจำของเธอก็กลับคืนมา  จำได้ว่าตัวเองคือใคร      ในขณะที่สามีผู้ร่ำรวยของเธอก็ตามหาจนพบและต้องการนำตัวเธอกลับบ้าน             กลับไปเป็นคนเดิม   แต่ช่างไม้พ่อหม้ายและลูกๆไม่ต้องการสูญเสียเธอไป   เพราะเธอได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวของเขาไปแล้ว   เขาจะทำอย่างไรดี

                     เป็นภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมอดี้ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1987  กำกับการแสดงโดย แกรี่ มาแชล ( Garry Marshall) ดารานำฝ่ายชายคือ เคิร์ก รัสเซลล์ (Kurt Russell ) ส่วนดารานำฝ่ายหญิงคือ  กอร์ดี้ ฮอร์น (Goldie Hawn)   ปัจจุบันทั้งคู่ก็เป็นสามีภรรยากันนอกจอ  พอจำกันได้หรือยังครับว่าเรื่องอะไร

https://www.youtube.com/watch?v=uv9phXbPA-4










                 

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

หนังจีนสากล



                          ณ. หมู่บ้านแห่งหนึ่งในประเทศไต้หวัน   มีชายสูงอายุที่เป็นใบ้คนหนึ่งอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆกับภรรยาขี้เหล้าเพียงสองคน   และทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการเก็บขวดเอาไปขาย      ทุกเช้าเขาจะถีบรถซาเล้งตระเวนไปทั่วเพื่อคุ้ยหาขวดตามกองขยะ  แล้ววันหนึ่งฟ้าก็ลิขิตให้เขาได้พบกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกคนนำมาทิ้งไว้ข้างกองขยะเขานำเธอมาเลี้ยงดูโดยที่ภรรยาของเขาไม่ชอบมากนัก และในที่สุดภรรยาก็ทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี  
                  ชายสูงอายุเฝ้าทะนุทนอมเลี้ยงดูเด็กน้อยให้ทั้งความรักและความเมตตาเสมือนเป็นลูกของตัวเอง    จนกระทั้งเด็กน้อยเติบโตขึ้นพร้อมกับความฝัน    ฝันที่จะเป็นนักร้องผู้โด่งดังเพื่อหาเงินทองมาเลี้ยงดูพ่อผู้ชราแล้ววันหนึ่งความฝันของเธอก็กลายเป็นความจริง     ความจริงที่พลิกผันชะตาชีวิตของเธอทำให้สายใยแห่งความรักความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับผู้เป็นพ่อต้องขาดสะบั้นลง  อยู่ใกล้แค่ตาเห็นแต่เหมือนอยู่ไกลกันคนละฟากฟ้า  ไม่สามารถโอบกอด  ไม่สามารถพูดจา  หัวใจของผู้เป็นพ่อแทบสลาย เฝ้ารอและรอ รอว่าสักวันจะกลับมาเป็นเช่นเดิม
                   เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง   เมื่อชายชราผู้เป็นพ่อต้องล้มป่วยลง   ความหวังสุดท้ายแค่เพียงต้องการเห็นหน้าลูกสาวสักครั้งก่อนหมดลมหายใจ    แต่ก็ไม่อาจสมหวัง    ลูกสาวรู้ข่าวรีบมาหาพ่อพบแค่ร่างที่ไร้วิญญาณ มันสายเกินไป มันสายเกินไปเสียแล้ว  เธอเสียใจ ร้องให้ สำนึกในสิ่งที่เธอทำ อยากจะพูด อยากจะบอก  บอกด้วยบทเพลงให้คนทั่วโลกได้รับรู้
  พ่อจ๋า  หนูรักพ่อ
 พ่อจ๋า  พ่อได้ยินหนูไหม 
  พ่อจ๋า  พ่อได้ยินหนูร้องเพลงไหม
                 เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี ค.ศ.1983   กำกับการแสดงโดย   ดารานำฝ่ายชายคือซุนเอว(ชายใบ้)   หลิวลุ่ยฉี      หลีลี่ฉวิน     อู๋เส้ากัง        เจียงเสีย     (ลูกสาวชายใบ้ที่เก็บมาเลี้ยง)      และได้รับรางวัลม้าทองคำครั้งที่20    ในหลายสาขา เช่น นักแสดงชายยอดเยี่ยม(ซุนเอว) นักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยม(เจียงเสีย)  ถ่ายภาพยอดเยี่ยม  ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม เทคนิคยอดเยี่ยม ฯลฯ






วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

หนังฝรั่ง

                           เมื่อตอนที่ผมเป็นวัยรุ่นเคยฟังเพลงๆหนึ่งแล้วรู้สึกชอบขึ้นมาทันที   ทั้งที่แปลความหมายไม่ออกเพราะว่าเป็นเพลงสากล  เป็นเพลงที่มีท่วงทำนองเร็วน่าสนุกสนาน แต่เมื่อฟังแล้วกลับให้ความรู้สึกเศร้าเหลือเกิน   หลายปีต่อมาถึงได้รู้ว่าเป็นเพลงที่แต่งขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์เรื่องหนึ่งซึ่งมีชื่อเดียวกันกับชื่อเพลง  และมีโอกาสได้ชมภาพยนตร์เรื่องนั้น
                           เป็นภาพยนตร์ขาวดำที่ออกฉายในปี ค.ศ.1942กำกับการแสดงโดยผู้กำกับชาวฮังกาเรียน ชื่อ ไมเคิลเคอร์ติช เป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทละครเพลงเรื่อง Everybody Comes to Rick’s   มีเนื้อหาเกี่ยวกับความรักและอุดมการณ์ของหนึ่งหญิงกับสองชายในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง ที่เกิดขึ้น ณ ประเทศฝรั่งเศส ฝ่ายหญิงที่มีอดีตอันหวานชื่นกับชายหนุ่มคนหนึ่ง   ตัดสินใจเลือกอุดมการณ์มากกว่าความรัก ทำให้ชายหนุ่มผู้ผิดหวังต้องหลีกหนีไปอยู่ที่เมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง  ทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยการเปิดบาร์   และเฝ้ารอคอยด้วยความหวังว่าสักวันหนึ่งจะได้เจอกับเธออีก    แล้ววันหนึ่งความหวังของชายหนุ่มก็กลายเป็นจริง     เมื่อหญิงสาวที่ตัวเองยังคงหลงรักอยู่เดินทางมาหา  แต่ความหวังก็สลายลงเมื่อเธอเดินทางมาพร้อมกับชายหนุ่มที่เป็นคนรักใหม่ผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกันเพื่อที่จะขอความช่วยเหลือ    เขาจะตัดสินใจเลือกอย่างไรดีระหว่างความรักของตัวเอง กับการเสียสละปล่อยให้เธอไปมีความสุขกับคนรักใหม่ผู้ร่วมอุดมการณ์มันเป็นเรื่องยากแต่ในที่สุดเขาก็เลือกการเสียสละ  ปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความผิดหวัง
                  ชายหนุ่มผู้ยอมเสียสละคนนั้นชื่อ ริค เบลน    นำแสดงโดยดาราชายที่ยิ่งใหญ่แห่งยุคสมัยนั้น คือฮัมฟรีย์ โบการ์ต(Humphery Deforest Bogart)      และหญิงสาวที่ ริค เบลน ยังคงเฝ้ารอคอยอยู่จนลมหายใจเฮือกสุดท้ายก็คือ  เอลซ่า ลันด์  นำแสดงโดยดาราสาวสวย  อิงกริด      เบิร์กแมน(Ingrid Bregman)
                  ภาพยนตร์เรื่องนี้มีบทพูดเด่นๆที่คนมักจะนำมากล่าวถึงอยู่บ่อยๆ          มีเพลงประกอบที่ไพเราะคือ As Time Goes By ได้รับรางวัลออสการ์ในปี ค.ศ.1943
 ถึง 3รางวัล         ได้แก่รางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม    ผู้กำกับภาพยนตนร์ยอดเยี่ยม   และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม   ถูกเลือกให้เป็นภาพยนตร์รักยอดเยี่ยม อันดับ1ในรอบร้อยปี ของสถาบันภาพยนตร์แห่งชาติอเมริกา  ยังพอจำกันได้ไหมครับว่าเรื่องอะไร



 


 




หนังไทย

                                      

                   ผมเติบโตมาในยุคแห่งความรุ่งเรื่องของหนังไทยและเพลงลูกทุ่ง   แต่ก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ดูภาพยนตร์ในโรงภาพยนตร์มากนัก       ส่วนใหญ่จะได้ดูตอนที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นออกจากการฉายในโรงภาพยนตร์มาฉายเป็นภาพยนตร์กลางแปลง       เนื่องจากปัญหาการเดินทางที่ยังไม่สะดวกสบาย และผู้คนที่ยังไม่ค่อยนิยมไปดูหนังในโรงภาพยนตร์    แต่มีภาพยนตร์เรื่องหนึ่งที่พ่อแม่ผมพาไปดูในโรงภาพยนตร์โดยการเดินด้วยเท้าจากบ้านเป็นระยะทางเกือบสองกิโลเมตร และดูมากกว่าหนึ่งรอบ

                ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างและกำกับการแสดงโดย  รังสี ทัศนพยัคฆ์ จากบทประพันธ์ของมหศักดิ์ สารากร  ซึ่งเป็นนามปากกาของ รังสี ทัศนพยัคฆ์ ที่ใช้ในการเขียนเนื้อหาของภาพยนตร์เป็นเรื่องราวความรักของชายหนุ่มกับหญิง สาวที่ถูกกีดกันเนื่องจากฝ่ายชายเป็นลูกชาวนาที่ยากจนและกำลังจะถูกยึดที่นา   ส่วนฝ่ายหญิงเป็นลูกสาวกำนันที่ร่ำรวยที่พ่อแม่ไม่อยากให้แต่งงานกับชายหนุ่มที่ยากจน   เลยถูกส่งตัวเข้ามาอยู่กับญาติในกรุงเทพ แล้วเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มีการเข้าใจผิดกัน   ทำให้หญิงสาวตัดสินใจรับหมั้นกับชายหนุ่มคนอื่นทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้รัก  ต่อ มาก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นเมื่อหญิงสาวถูกจับตัวไปเรียกค่าไถ่โดย คู่หมั้นของตัวเองแต่ชายหนุ่มผู้เป็นคนรักเก่าของหญิงสาวได้ตามไปช่วยเหลือ จนพ้นอันตราย  ในที่สุดพ่อแม่ของหญิงสาวก็เห็นในความดีจึงเลิกกีดกัน    ทำให้ความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวสมหวัง

                ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายเมื่อเดือน พฤษภาคม พ.ศ. 2513  สามารถทำรายได้ทั่วประเทศถึง 13 ล้านบาท  และทำสถิติฉายติดต่อกันนาน 6 เดือนที่โรงภาพยนตร์โคลีเซียม เป็นภาพยนตร์ที่มีเพลงประกอบมากที่สุดถึง 14 เพลง      โดยมีนักร้องที่ร้องเพลงประกอบเป็นผู้ร่วมแสดง เช่น ศรีไพร ใจพระ บุปผา  สายชล ไพรวัลย์  ลูกเพชร   บรรจบ  เจริญพร  ฯลฯ   ดารานำฝ่ายชายและดารานำฝ่ายหญิงเป็นพระเอกนางเอกยอดนิยมตลอดกาลของคนไทย คือ      มิตร ชัยบัญชา และเพชรา เชาวราษฎร์ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทย 1 ในจำนวน25 เรื่อง ที่ได้รับการประกาศให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภาพยนตร์ของชาติโดยหอภาพยนตร์แห่ง ชาติ 

  จำกันได้แล้วใช่ไหมครับว่าเรื่องอะไร

 

 

 https://www.youtube.com/watch?v=_ynn_8rdfhA